วันพฤหัสบดีที่ 6 เมษายน พ.ศ. 2560

เรดาร์ค้างคาว

            ค้างคาวส่วนมากกระฉับกระเฉงเฉพาะช่วงกลางคืนเท่านั้น และเป็นสัตว์ที่ออกหากินในตอนกลางคืน มนุษย์ที่ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับค้างคาวล้วนประหลาดใจว่า พวกมันบินไปในความมืดมิดแล้วจับเหงื่อมาเป็นอาหาร ได้อย่างไร 
            หลายคนมักจะคิดว่าค้างคาวมีสายตาที่เฉียบคมเป็นพิเศษ ทำให้สามารถมองเห็นได้ในความมืด แต่บัดนี้นักวิทยาศาสตร์ค้นพบว่า ค้างคาว ไม่ได้ใช้สายตาจับทิศทางที่มันบินไปกลับขึ้นอยู่ที่ประสาทการรับฟัง(หู) ของมันต่างหาก ย้อนกลับไปเมื่อ พ.ศ. 2323 นักสัตวศาสตร์ชาวอิตาลีชื่อ สปอลลันซานี ได้ทำการทดลองโดยการผูกตาค้างคาวจำนวนหนึ่ง แล้วปล่อยให้มันบินเข้าไปในห้องที่มีด้านขึงรุงรังเต็มไปหมด แต่ค้างคาวก็สามารถ บินฝ่าไปได้อย่างสบายโดยไม่ชนเส้นด้ายแต่เมื่อเอาอะไรอุดหูของมันไว้ มันจะบินเข้าไปชนด้ายพันนัวเนียไปหมด เขาจึงค้นพบว่า ค้างคาวใช้ประสาทหู แทนประสาทตา ในการคลำหาทิศทางในความมืด ใน พ.ศ. 2463 นักวิทยาศาสตร์เสนอแนวความคิดว่า ค้างคาวส่งคลื่นสัญญาณซึ่งมนุษย์ไม่สามารถ ได้ยินได้ออกไป นั่นคือ คลื่นเสียงอุลตร้าโซนิก พ.ศ 2484 นักวิทยาศาสตร์ 2 คน ได้ใช้เครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ชนิดใหม่ตรวจจับเสียงอุลตร้าโซนิก ที่ค้างคาวปล่อยออกไป
            เครื่องมือดังกล่าวแสดงให้เห็นว่า ค้างคาวได้ส่งเสียงร้องที่มีคลื่นความถึ่สูงออกมาอย่างต่อเนื่อง ในขณะที่มันบินฝ่าไปในเขตเส้นด้ายที่พันกันวกวนไปมาในที่มืด เมื่อนำเทปมาปิดปากไว้ทำให้ค้างคาวไม่สามารถปล่อยคลื่นเสียงออกไปได้ มันจึงบินไปอย่างสะเปะสะปะชนกับเส้นด้ายที่ขึงไว้ ค้างคาวจะส่งสัญญาณออกไป เสียงร้องที่มีความถี่สูงจะไปกระทบกับวัตถุที่อยู่ในเส้นทางของมันแล้วก็สะท้อนกลับมา ค้างคาวใช้เสียงสะท้อน หาจุดที่ตั้งของวัตถุต่าง ๆ ในที่มืด นักวิทยาศาสตร์เรียกคลื่นเสียงนี้ว่า "เสียงสะทอ้นหาตำแหน่ง" ซึ่งก็คล้ายกับระบบเรดาร์ของมนุษย์

***ที่มา : นิตยสารเนชั่นแนล จีโอกราฟฟิก ฉบับภาษาไทย , ห้องสมุดวิทยพัฒน์

9 ความคิดเห็น:

เรดาร์ค้างคาว

            ค้างคาวส่วนมากกระฉับกระเฉงเฉพาะช่วงกลางคืนเท่านั้น และเป็นสัตว์ที่ออกหากินในตอนกลางคืน มนุษย์ที่ศึกษาเรื่องราวเกี่ยวกับค้างคาวล้...